อานิสงค์การสร้างพระพุทธรูป

…ในวัฏฏังคุลีชาดก กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า พระเจ้าปเสนทิโกศล ถวายนมัสการสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วทูลถามว่า “บุรุษสตรีผู้หนึ่งผู้ใด เมื่อได้สร้างพระพุทธปฏิมากร กระทำรูปเปรียบจำลองพระพุทธองค์ ขึ้นไว้ จะได้ประมาณอานิสงส์เช่นไรพระพุทธเจ้าข้า”

สมเด็จพระบรมศาสดามีพระพุทธดำรัสว่า “ดูกร มหาบพิตร ผู้เป็นมหาราชบุรุษหรือสตรีผู้ใดผู้หนึ่ง ซึ่งประกอบด้วยศรัทธา เมื่อได้สร้างพระพุทธปฏิมากรไว้ในพระพุทธศาสนา พระพุทธปฏิมากรนั้น บุคคลจะสร้างด้วยดินเหนียว หรือศิลาก็ตามหรือทำด้วยโลหะแลทองแดงก็ตาม จะทำด้วยไม้ แลสังกะสี ดีบุกก็ตาม จะทำด้วยรัตนะ เงินทองก็ตาม ผู้ที่สร้างทำนั้น จักได้อานิสงส์ผลอันมากพ้นที่จะนับประมาณ การที่สร้างพระพุทธปฏิมากร หรือปฏิสังขรณ์พระพุทธรูปก็ดี เป็นประเพณีของพระพุทธเจ้าทั้งหลายซึ่งยังเวียนว่ายในวัฏฏสงสาร ครั้งเมื่อตถาคตเสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์ ได้เห็นนิ้วพระหัตถ์พระพุทธปฏิมากรซึ่งทำด้วยดินเหนียวหักขาดไปนิ้วหนึ่ง จึงนำเอาดินเหนียวมาปั้นทำให้เป็นบริบูรณ์เป็นปกติ แล้วทำการสักการบูชาด้วยมาลาแลของหอม ครั้งทำลายเบญจขันธ์ ก็ได้เสวยสมบัติในสวรรค์ ได้เป็นบรมกษัตริย์ในมนุษย์โลก สิ้นกาลนาน ภายหลังเมื่อโพธิสมภารพุทธการกธรรมเต็มบริบูรณ์แล้วก็ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า” แล้วทรงเทศนาถึงอดีตชาติของพระองค์ ดังนี้

ในอดีตกาล มีพ่อค้าคนหนึ่งชื่อ กุลภัทรกุมาร ไดัชักชวนพ่อค้าทั้งหลายเดินทางไปค้าขายยังต่างเมือง ระหว่างทางเขาเห็นพระพุทธปฏิมากรทำด้วยดินเหนียวองค์หนึ่ง ซึ่งประดิษฐานอยู่ในพระอาราม ในป่าชัฏ พระพุทธปฏิมากรนั้น มีนิ้วพระหัตถ์หักไปนิ้วหนึ่ง จึงเอาดินเหนียวมาขยำกับน้ำอ้อย ปั้นนิ้วพระหัตถ์พระพุทธปฏิมากรปฏิสังขรณ์ให้เต็มบริบูรณ์ทั้ง ๕ นิ้ว แล้วเอาเงิน ๕ กหาปนะ ให้หญิงทาสีคนหนึ่ง คอยปฏิบัติรักษา พระพุทธปฏิมากรนั้น และให้มูลค่าประทีป เทียน แลมาลา ของหอม สำหรับบูชาพระปฏิมากรนั้นด้วย ครั้นบูชาแล้ว จึงตั้งความปรารถนาด้วยว่า “อานิสงค์ที่ข้าพเจ้าได้ปฏิสังขรณ์นิ้วพระหัตถ์นี้ ขึ้นชื่อว่าข้าศึกศัตรูทั้งปวง อย่าให้มีเฉพาะหน้าข้าพเจ้าเลยอนึ่งขอให้ข้าพเจ้าได้ตรัสรู้เป็นสัพพัญญูพระพุทธเจ้าในอนาคตด้วยเถิด”

นับแต่นั้นมา ข้าศึกศัตรูและ ร้ายทั้งหลายทั้งหลาย แม้แต่งู ตะขาบ และแมลงป่อง เป็นต้น ก็มิได้กล้ำกลายกุลภัทรกุมาร เมื่อตายไปได้เกิดเป็นเทพในสวรรค์ พวกอสูรในเทวโลกก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้ พากันหนีหมด เมื่อปฏิสนธิในครรภ์พระอัครมเหสีของพระเจ้าพาราณสี เทพบุตรซึ่งเป็นบริวารพันหนึ่งก็มาเกิดในครรภ์ของภรรยาพวกอำมาตย์ เมื่อประสูติพระกุมารแล้ว ในกาลนั้น ทั้งหลายมีช้าง แลม้าเป็นต้น แม้จะดื้อเพียงใด เมื่อพระราชกุมารยกนิ้วพระหัตถ์ชี้มาในกาลใด เหล่านั้นก็ซวนเซล้มลงพระราชกุมารจึงได้พระนามว่า “วัฏฏังคุลีราชกุมาร”

เมื่อได้ครองราชย์เป็น “พระเจ้าวัฏฏังคุลีราชโพธิ ” ประกอบด้วยเมตตากรุณา ไม่เคยเบียดเบียนชีวิตใดเลย ตั้งมั่นอยู่ในศีล ในกาลนั้นพระยาร้อยเอ็ดทั้งหลายในชมพูทวีปจึงปรึกษากันจักไปชิงราชสมบัติ ของพระเจ้าวัฏฏังคุลีราช เพราะเห็นว่าพระองค์ไม่ฆ่า เลย คงได้เมืองมาโดยง่ายเมื่อยกทัพมาประชิดเมืองของพระเจ้าวัฏฏังคุลีราช พระองค์เพียงชี้นิ้วพระหัตถ์ พวกพระยาร้อยเอ็ดและเหล่าทหารก็ตกจากยานพาหนะและหกล้มระเนระนาด พระยาร้อยเอ็ดจึงสวามิภักดิ์ยอมเป็นประเทศราชของพระโพธิ สมเด็จพระทศพลจึงตรัสพระคาถาว่า บุคคลผู้สร้างพระพุทธรูปนั้น จะได้เป็นพระอินทร์ ๘ ครั้ง จะได้เป็นสมเด็จบรมจักรพรรดิ ๘๐ ชาติหรือ ๑๐๐ ชาติ จะได้เป็นพระราชานับประมาณไม่ได้ ผลแห่งการปฏิสังขรณ์ซ่อมแซมพระพุทธรูปนั้น ไม่ควรคิดว่ามีค่าเท่าใดเพราะเป็นอจินไตย ประมาณไม่ได้ บุคคลผู้ก่อสร้างพระพุทธรูปด้วยปีติเลื่อมใสแล้วจะเกิดในสวรรค์สิ้นกาลนาน ผู้ปลูกมหาโพธิ์ นรชนผู้บวชตน นรชนผู้สร้างพระปฏิมากร นรชนสามจำพวกนี้ จักได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าเที่ยงแท้…..

27 (3)

A tiny amount of movement at the https://homework-writer.com pay to do homework control yields a huge swing at the other end